การกลับมาอีกครั้งของ #วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์ ครั้งที่ 4
พบกันอีกครั้งกับฟิค #เบื้องหลังคอนเสิร์ตของเฉินเหว่ยถิง
ซึ่งคราวนี้มาในธีมคอนเสิร์ต INSIDE
ME ของเฮียถิงค่ะ
โดยเราจะเขียนต่อกัน 6 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
อยากรู้ไหมคะ
ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ :D
ตอนที่แล้วค่ะ
Part 4 @Essorhino
Part 5 @en_gen95
“มันไม่มีอะไรจริงๆ อย่าไปสนใจไอ้แกะตัวนั้นเลย ไร้สาระเปล่าๆ
ว่าแต่นายเถอะมาถึงก็ทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ห้อง แล้วก็ยิงคำถามใส่ฉันรัวๆ
ที่มาถามนี่...เพราะหวงหรือว่า...” เจ่เจ้เอ่ยปากถามเจ้าเด็กหนุ่มหน้าตายที่ตอนนี้เริ่มนั่งปักหลักจิ้มโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้องอย่างเอาเป็นเอาตาย
โดยที่ไม่สนใจเจ่เจ้ที่เจ้าตัวตั้งใจมาหาสักนิด
เหว่ยถิงมองเด็กหนุ่มที่เหมือนจะเลิกคาดคั้นเขาเอาซะดื้อๆ
เสียอย่างนั้น
เหมือนกับว่ามีสิ่งอื่นที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องของเขามาเบี่ยงเบนความสนใจไป
อะไร...ตอนแรกเหมือนจะบีบคอเขาให้ได้ถ้าไม่ได้รับคำตอบดีๆ
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าตัวเขาหมดความสำคัญโดยสิ้นเชิง นี่มันอะไรกัน
แต่ว่ามันก็ดีแล้วหนิ ถือว่ารอดตายไปได้แบบสวยงามอีกหนึ่งเรื่อง
เหว่ยถิงได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องดีใจที่ไม่โดนคาดคั้นหนักไปมากกว่านี้
“นี่...เชียนซี นายนั่งอยู่แบบนั้นมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ
จะไม่พูดอะไรหรือสนใจฉันสักหน่อยหรอ” ตอนแรกชายหนุ่มก็ว่าดีอยู่หรอก
ที่มีเด็กตัวหอมๆ ขาวๆ มานั่งเป็นอาหารตาอยู่ใกล้ๆ
แต่พอเริ่มผ่านไปนานเข้าเจ่เจ้ก็เริ่มจะหงุดหงิดที่ไอ้เด็กบ้านี่มันไม่สนใจเขาสักนิด
มัวแต่ก้มหน้าก้มตามองหน้าจอแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“.....”
มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับเจ่เจ้
เหว่ยถิงกลายเป็นอากาศโดยสมบูรณ์...
ไม่สิ! แค่เกือบจะสมบูรณ์
“ว่าไงเชียนซี อย่ามาเงียบ นายมาห้องคนอื่นเขาแล้วมาเงียบแบบนี้ไม่ได้นะ”
เหว่ยถิงยังคงถามต่อไป จากตอนแรกตกใจปนกลัวที่เชียนซีอยู่ๆ
ก็โผล่มาหน้าห้อง ตอนนี้กลับกลายเป็นความสงสัยบวกกับอารมณ์ที่ติดจะหงุดหงิดนิดๆ
เมื่อมีแต่ความเงียบ ประกอบกับการโดนเมินนี่อีก เหอะ!
“อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหาพี่ แต่ผม...”
ขณะที่เหว่ยถิงกำลังจะง้างปากไอ้เจ้าเด็กหน้าตายให้มันพูดได้
ก็ดันมีคนมาเคาะประตูเรียกขัดจังหวะซะอีก
พรึ่บ! ทันทีที่เปิดประตู
ก็พบว่าเป็นจิ่งป๋อหรัน ก่อนที่เจ้าตัวพรวดพราดเข้ามา แล้วก้มหน้ากดโทรศัพท์ยิกๆ
อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจ้าของห้องอย่างเหว่ยถิงยืนงง
นี่มันอะไรกัน...
“อีก 10 นาทีครับป๋อหรันเกอ” ไอ้หนูที่อยู่ในห้องอยู่ๆ
ก็พูดขึ้น
“เหอะ! ก็ยังดีกว่าไม่ทัน ขอบใจนายมากที่วีแชทไปตาม” คนมาใหม่ก็ตอบรัวอย่างรวดเร็ว
ลิงแก่แห่งวงการบันเทิงได้แต่หันไปมองซ้ายทีขวาทีอย่างงงงวย
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“โว้ยยยย มันจะอะไรกันนักหนาวะเนี่ย ทำไมวันนี้แม่งรักกูกันจังวะ จะได้หลับได้นอนไหมเนี่ย
เออๆ รู้แล้ว อย่าทุบประตูรัวขนาดนั้น เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง” เหว่ยถิงยกมือขยี้ผมอย่างหัวเสีย
เริ่มแหกปากโวยวายให้ฟันหน้าออกมาทักทายเล่นตามแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น
ก่อนจะรีบไปเปิดประตูเมื่อคนที่รออยู่เริ่มเปลี่ยนจากเคาะกลายมาเป็นทุบแรงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย
“อ้าว! จุนไค.... เอ๊ะ อี้เฟิงนายก็มากับเขาด้วยหรอ”
“รบกวนหน่อยนะครับถิงเกอ ผมมาตามเชียนซีกลับห้องน่ะครับ อ้อ! เมื่อกี้คุณอี้เฟิงเขาเป็นคนเคาะนะครับไม่ใช่ผม”
จุนไคพูดขึ้นก่อน
“แล้วนายล่ะอี้เฟิง”
“ป๋อหรันวีแชทมาตามน่ะครับ บอกซากุระบาน ผมเลยรีบมา
อยากมาดูเจ่เจ้ก่อนขึ้นคอนด้วยว่าเป็นไงบ้าง สบายดีใช่ไหมครับ ผมเอารังนกมาฝาก
เห็นวันก่อนเจ้าหยางก็บอกอยู่ว่าฝากของบำรุงมาให้
แต่อันนี้เด็ดกว่าเห็นฮั่นเกอบอกว่ากินแล้วดี” อี้เฟิงบอกยิ้มๆ พร้อมยื่นของโด๊ปให้ก่อนกวาดสายตามองคนที่เรียกตัวเองว่าเจ่เจ้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่สบายดี ดูไม่ป่วยไม่ไข้ เหม่งเปล่งแสงได้อย่างปกติ
ก็เร่งรีบสาวเท้าเข้าไปสมทบกันป๋อหรันที่ตอนนี้นั่งคุยอยู่กับเชียนซีที่โซฟา
“นี่พวกนายมาทำอะไรกันแน่...” ชะนีสาว เอ้ย
เจ่เจ้ถิถามด้วยความมึนงง
เมื่อเห็นจุนไคที่ออกปากบอกว่ามาตามเชียนซีกลับห้องตอนนี้ก็เริ่มนั่งลงควักโทรศัพท์มาจิ้มเอากับเขาด้วย
“เกอนี่ไม่ตามเทรนด์เลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับคอนสินะครับ
พวกผมมานั่งเฝ้าซากุระครับ...เกอไปมาร์คหน้านอนก่อนก็ได้
ไม่ต้องห่วงทางนี้เดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนที่นี่
เดี๋ยวพอพวกนี้กลับแล้วผมจะปิดห้องให้เอง” อี้เฟิงเอ่ยขึ้นพร้อมกันรอยยิ้มเหมือนเดิม
เมื่อเห็นว่าพี่ชายมีสีหน้าที่เอ๋อ และมึนงงขึ้นเรื่อยๆ
“นายจะนอนที่นี่เหรออี้เฟิง มีจุดประสงค์ล่ะสิ” ป๋อหรันแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เเต่ร่างอวบไม่ตอบได้เเต่ยิ้มน้อยๆ อยู่เหมือนเดิม
“งั้นตามสบายเลยพวกนาย อี้เฟิงเดี๋ยวเกอไปนอนรอ อะแฮ่ม! เดี๋ยวเกอไปนอนก่อนแล้วกันนะ”
เจ่เจ้ที่ได้ยินว่าแมวน้อยของตนจะนอนที่นี่คืนนี้ก็รีบเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว
เลิกสนใจท่าทีแปลกๆ ของทุกคนในทันที
แม้จะรู้สึกว่า...เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อนก็เถอะ
ซากุรง
ซากุระอะไรจะมาสำคัญเท่าคืนนี้จะมีคนมานอนด้วยกันล่ะ...
แต่ก่อนเข้าห้องก็ยังไม่วายได้ยินเสียงนัดแนะลอยเว่วเข้ามาในโสตประสาท
“พรุ่งนี้เกอเลิกซ้อมสามทุ่ม...”
“ซากุระบานเวลาเดิม คราวนี้ฉันจะมาปลูกเอง เดี๋ยวพาอู๋เสียมาด้วย”
TBC...................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น